x close

ยามอุบากอง คืออะไร ? รู้จักวิธีดูฤกษ์ยามที่นิยมมาแต่โบราณ

          ยามอุบากอง ดูฤกษ์ยามแบบโบราณ ทั้ง ดูดวงยามอุบากองการขับรถเดินทางไกล ฤกษ์ยามอุบากองออกรถ งานสำคัญ เป็นต้น

ยามอุบากอง

          คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ความเชื่อในเรื่องของศาสตร์พยากรณ์เป็นเรื่องที่คู่กับคนไทยมาตั้งแต่สมัยอดีตกาล ในสมัยก่อนไม่ว่าจะประกอบกิจการอะไร หรือลงมือจะทำสิ่งใด ก็ต้องดูฤกษ์ดูยาม เพื่อให้กิจการต่าง ๆ นั้น ประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดี ราบรื่น และเจริญก้าวหน้า หรือแม้กระทั่งแต่เรื่องเล็ก ๆ เช่นการสวมใส่เสื้อในวันต่าง ๆ บางคนก็ต้องยึดสี สีไหนในวันนี้ดี หรือวันนี้สีไหนจะเป็นกาลกิณี เป็นต้น

          เฉกเช่นการดูฤกษ์ยามที่กระปุกดอทคอมนำมาเสนอในวันนี้ เป็นการดูฤกษ์ยามสมัยโบราณที่เรียกว่า "ยามอุบากอง" ซึ่งใช้ดูเมื่อตอนเวลาเดินทาง, จะออกรถ, พบลูกค้า, นำเสนองาน, เข้าพบเจ้านาย, หรือทำการสำคัญต่าง ๆ ถ้าหากยึดเวลาตาม "ยามอุบากอง" ก็จะทำสิ่งนั้น ๆ ได้สำเร็จ และได้ผลดีตามที่ตั้งใจเอาไว้ แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับการปฏิบัติของเราด้วย

ยามอุบากองคืออะไร

          ยามอุบากอง หรือ ยามพม่าแหกคุก คือ การดูฤกษ์ยามชนิดหนึ่ง ที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยเชื่อกันว่า เป็นยามที่เอาไว้ดูวัน เวลา ที่เหมาะสมสำหรับการทำกิจกรรมต่าง ๆ รวมไปถึงเพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง ซึ่งคนเฒ่าคนแก่ต่างยึดยามอุบากองในการใช้ชีวิตประจำวัน และเชื่อกันอย่างจริงจังเลยทีเดียว

          โดยประวัติความเป็นมาของ ยามอุบากอง จาก ตำราพรหมชาติ ก็คือ เป็นชื่อของทหารนายหนึ่งนามว่า "อุบากอง" นายทหารยศขุนพล ที่ได้คุมกำลังเข้าโจมตีเมืองเชียงใหม่ เมื่อแรม 1 ค่ำ เดือนห้า (5) ปีมะเมีย พ.ศ. 2340 คราวที่พระเจ้าปะดุง ยก 9 ทัพมาตีไทยนั่นเอง แต่ด้วยเหตุผลกลใดไม่ปรากฏ อุบากองถูกฝ่ายไทยจับกุมตัวได้ คราวนั้นพ่อเมืองเชียงใหม่ได้คุมตัวอุบากองส่งลงมายังกรุงเทพฯ เมื่อขึ้น 8 ค่ำ เดือนหก (6) ปีมะเมีย พ.ศ. 2340 สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ จึงสั่งให้สอบสวนอุบากองทันที ปรากฏว่าอุบากองเป็นคนไทย เกิดในเมืองไทย เพราะมีพ่อเป็นเชื้อสายพม่า แต่แม่เป็นเชื้อสายคนไทยแถบเมืองธนบุรี พระองค์จึงทรงพระเมตตาพระราชทานเสื้อผ้าและให้นำไปจำขังไว้ที่คุกวัดโพธาราม (วัดพระเชตุพนฯ ในปัจจุบัน)

          ระหว่างที่อุบากองกับพวกถูกจองจำคุมขังที่คุกวัดโพธิ์ เขาได้สอนตำรายันต์ยามยาตราให้กับพรรคพวก ซึ่งยามนี้สามารถแหกคุกที่คุมขังได้ เมื่อพรรคพวกสามารถเรียนยามยาตราได้ตามที่บอกแล้ว อุบากองก็ทำพิธีตามหลักโหราศาสตร์ พอได้ฤกษ์งามยามดีจึงสามารถพากันแหกคุกวัดโพธิ์หลบหนีไปได้อย่างปลอดภัย โดยอุบากองกับพรรคพวกพากันหลบหนีไปยังเมืองพม่าได้

          แต่ยามที่อุบากองบอกกับพรรคพวกนี้นั้น บังเอิญมีนักโทษพม่าที่เป็นเชื้อสายไทยบางคนไม่ได้หลบหนีไปด้วย จึงบอกเล่ากับผู้คุมนักโทษ จึงมีการนำมาเล่าเรียนกันและให้ชื่อยามยาตรานี้ว่า "ยามอุบากอง" ตามชื่อเจ้าของยามยาตรานั่นเอง อนึ่งยามดังกล่าวปรากฏว่ามีผู้นับถือว่าแม่นยำ ได้ผลจริง ๆ จึงศึกษาเล่าเรียนสืบ ๆ กันมาตราบเท่าทุกวันนี้

วิธีดูยามอุบากอง มี 2 แบบ ดังนี้

แบบที่ 1 การดูยามอุบากอง "วัน+เวลา"

          แบบที่ 1 การดูยามอุบากอง "วัน+เวลา" ซึ่งตารางยามอุบากองชนิดนี้ นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายมากที่สุด โดยจะมีรูปแบบคือ วันทั้ง 7 (จันทร์ - อาทิตย์) และแบ่งช่วงเวลาเป็นกลางวัน 5 ยาม กลางคืน 5 ยาม ดังนี้

          กลางวัน

          เช้า : 06.01 น. ถึง 08.24 น.
          สาย : 08.25 น. ถึง 10.48 น.
          เที่ยง : 10.49 น. ถึง 13.12 น.
          บ่าย : 13.13 น. ถึง 15. 36 น.
          เย็น : 15.37 น. ถึง 18.00 น.     
    
           กลางคืน   

           ยามที่ 1 : 18.01 น. ถึง 20.24 น.
           ยามที่ 2 : 20.25 น. ถึง 22.48 น.
           ยามที่ 3 : 22.49 น. ถึง 01.12 น.
           ยามที่ 4 : 01.13 น. ถึง 03.36 น.
           ยามที่ 5 : 03.37 น. ถึง 06.00 น.

โดยมีความหมายตามตารางดังนี้


           ศูนย์หนึ่งอย่าพึ่งจร     แม้ราญรอนจะอัปรา
           สองศูนย์เร่งยาตรา     จะมีลาภสวัสดี
           ปลอดศูนย์พูลสวัสดิ์    ภัยพิบัติลาภบ่มี
           กากบาทตัวอัปรีย์      แม้จรลีจะอัปรา
           สี่ศูนย์จะพูนผล          แม้จรดลดีหนักหนา
           มีลาภล้นคณนา         เร่งยาตราจะมีชัย

           - ศูนย์หนึ่ง หรือ ศูนย์เดียว หมายถึง อย่าเพิ่งเดินทาง หรือออกนอกบ้าน เพราะจะไม่ดี อันตราย หรือมีภัย

           - สองศูนย์ หมายถึง เป็นช่วงเวลาที่ดี ให้เร่งออกจากบ้าน จะทำให้มีโชคลาภ

           - ปลอดศูนย์ (ไม่มีศูนย์) หมายถึง จะไม่มีทั้งโชค และไม่มีทั้งเคราะห์

           - กากบาท หมายถึง ห้ามออกจากบ้าน ห้ามเดินทาง เพราะอาจจะเจอเคราะห์ร้าย หรือโชคไม่ดี

           - สี่ศูนย์ หมายถึง เป็นช่วงเวลาที่ดีมาก เหมาะกับทำการสำคัญ และเดินทาง จะสำเร็จ มีโชคลาภ และโชคดีทุกประการ


          สำหรับการดูยามตามแบบที่ 1 (วัน+เวลา) อย่างแรกเลยต้องดูที่วันที่ก่อนว่าวันที่เราต้องการดูคือวันอะไร โดยจะนับวันใหม่ของวันเมื่อเวลา 06.00 น. ตามการดูวันแบบโบราณ ซึ่งตรงนี้ที่แตกต่างจากยามปัจจุบันตามสากลที่นับเวลาตามเที่ยงคืนของวัน จากนั้นก็เปรียบเทียบในตาราง เช่น...

          ต้องการเดินทางออกจากบ้านวันอังคาร เวลา 18.30 น. เมื่อดูตามตารางแล้ว จะตกอยู่ในช่อง กลางคืน มีวงกลมสองอัน นั้นหมายความว่า "สองศูนย์เร่งยาตรา จะมีลาภสวัสดี"  นั่นเอง

แบบที่ 2 การดูยามอุบากอง "ค่ำขึ้นแรม+เวลา"


          การดูยามแบบ ค่ำขึ้นแรม + เวลานั้น ก็คล้าย ๆ กับการดูแบบที่ 1 แต่จะต่างกันตรงคืนแรมจะมีตารางที่แตกต่างกันออกไป คือถ้าเป็นข้างขึ้นก็สามารถยึดตารางเดิมดูได้เลย แต่ถ้าเป็นข้างแรมต้องกลับเวลาจากเย็นไปเช้าดังนี้

แบบข้างขึ้น



          กลางวัน

           เช้า : 06.01 น. ถึง 08.24 น.
           สาย : 08.25 น. ถึง 10.48 น.
           เที่ยง : 10.49 น. ถึง 13.12 น.
           บ่าย : 13.13 น. ถึง 15. 36 น.
           เย็น : 15.37 น. ถึง 18.00 น.     
    
           กลางคืน   

           ยามที่ 1 : 18.01 น. ถึง 20.24 น.
           ยามที่ 2 : 20.25 น. ถึง 22.48 น.
           ยามที่ 3 : 22.49 น. ถึง 01.12 น.
           ยามที่ 4 : 01.13 น. ถึง 03.36 น.
           ยามที่ 5 : 03.37 น. ถึง 06.00 น.

แบบข้างแรม



          กลางวัน

           เย็น : 15.37 น. ถึง 18.00 น.
           บ่าย : 13.13 น. ถึง 15. 36 น.
           เที่ยง : 10.49 น. ถึง 13.12 น.
           สาย : 08.25 น. ถึง 10.48 น.
           เช้า : 06.01 น. ถึง 08.24 น.    
    
           กลางคืน   

           ยามที่ 5 : 03.37 น. ถึง 06.00 น.
           ยามที่ 4 : 01.13 น. ถึง 03.36 น.
           ยามที่ 3 : 22.49 น. ถึง 01.12 น.
           ยามที่ 2 : 20.25 น. ถึง 22.48 น.
           ยามที่ 1 : 18.01 น. ถึง 20.24 น.

          ส่วนการดูยามในแบบที่ 2 นี้ วิธีการดูก็เหมือนแบบที่ 1 ต้องการดูวันข้างขึ้น วันข้างแรม เวลาไหน แล้วก็ยึดดูคำทำนายตามตาราง เช่น วันนี้เป็นข้างขึ้น วันอาทิตย์ ต้อออกไปเสนองานแก่ลูกค้าในเวลา 18.20 น. เมื่อดูตารางแล้ว จะตกอยู่ในช่องที่มีวงกลม 2 อัน  ซึ่งหมายความว่า "สี่ศูนย์จะพูนผล แม้จรดลดีหนักหนา"

         อย่างไรก็ตาม การดูยามอุบากอง เป็นความเชื่อส่วนบุคคลที่มาแต่ช้านาน ยังไงก็ใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ

ข้อมูลจาก : myhora.com, ตำราพรหมชาติ

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ยามอุบากอง คืออะไร ? รู้จักวิธีดูฤกษ์ยามที่นิยมมาแต่โบราณ อัปเดตล่าสุด 20 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 11:15:17 203,773 อ่าน
TOP