คุณมีสัญชาตญาณของผู้หญิงหรือไม่
คุณได้ยินอะไรไหม เสียงสัญชาตญาณภายในพยายามบอกอะไรบางอย่างกับคุณ ว่าแต่คุณกำลังฟังเสียงนั้น อยู่รึเปล่า ลองทำแบบสอบถามต่อไปนี้เพื่อหาคำตอบ...
คุณคิดอย่างไรเมื่อมีใครสักคนพูดถึง "สัมผัสที่ 6" หรือ "เสียงที่อยู่ภายใน" คุณมองว่านี่เป็นเรื่องไร้สาระที่จับต้องไม่ได้ใช่ไหม เอาล่ะ เก็บความไม่เชื่อนั้นเอาไว้ก่อน อันที่จริงแล้วเราสามารถนำสัญชาตญาณมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวันและช่วยเสริมสร้างความมั่นใจในตัวเอง แอสทริด ลองเฮิร์สท์ นักจิตวิทยาของ Health Plus กล่าว "สัญชาตญาณคือเคล็ดลับของผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตหลายต่อหลายคน พวกเขาพูดถึงสัญชาตญาณว่าคือการรับรู้อะไรบางอย่างได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านกระบวนการวิเคราะห์ที่ยืดยาว" เธอกล่าว
สัญชาตญาณไม่ได้เป็นเรื่องของการใช้ชีวิตบนความคิดที่แปลกเพ้อฝันเบธ แมคโอน นักบำบัดด้าน sixth-sensing homeopath และคอลัมนิสต์ของ Health Plus กล่าว แต่เป็นการใช้ชีวิตบนความเชื่อมั่นในตัวเอง "หากแต่เป็นปัจจัยสู่ความสำเร็จที่ช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจได้ถูกต้อง โดยส่วนตัวแล้ว ฉันพบว่าเมื่อใดก็ตามที่ฉันฝืนสัญชาตญาณตัวเอง ฉันเป็นต้องนึกเสียใจทุกครั้ง"
นี่ไม่ใช่อาการเดจาวู (déjà vu – คือความรู้สึกว่าเหตุการณ์นั้นเคยพบมาแล้ว ทั้งที่เพิ่งพบครั้งแรก) อันที่จริงแล้วนั่นเป็นเพราะโดยเนื้อแท้ของความเป็นผู้หญิง หรือที่เรียกว่า “สัญชาตญาณของผู้หญิง” ได้มีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์มากมายพิสูจน์พบว่า แม้เราจะอ่านแผนที่ไม่เป็น แต่ผู้หญิงเราเก่งกว่าในเรื่องของการเข้าและถอดรหัสการสื่อสารด้านอวัจนภาษา (ช่างสังเกต) นั่นเพราะฮอร์โมนเอสโตรเจนช่วยให้เรารู้จักเรียงลำดับเหตุการณ์ (มีความสามารถในการสื่อสาร) การวิเคราะห์ชี้ว่าสมองของเราทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นขณะกำลังพักผ่อน และผู้หญิงเราจะวิเคราะห์สิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวอย่างสม่ำเสมอ
การลับความสามารถที่ติดตัวมานี้ให้กล้าแกร่งยิ่งขึ้น จะยิ่งทำให้เรามีความคิดสร้างสรรค์ กล้าเสี่ยง และมองเห็นคุณค่าในตัวเอง ช่วยให้ตัดสินใจได้แยบยล ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องค้นหาตัวตนของเราเอง ด้วยการตอบคำถามต่อไปนี้ แล้วรวมคะแนนดูสิว่าแท้ที่จริงแล้วตัวตนของคุณเป็นอย่างไร
จำไว้ให้ตอบตามสัญชาตญาณ...
1. คุณทำอย่างไรเวลาที่ต้องตัดสินใจเรื่องใหญ่ๆ ที่ส่งผลกระทบกับชีวิต การงาน และสุขภาพ?
ก. คุณมักปล่อยให้สัญชาตญาณและความรู้สึกเป็นตัวตัดสิน (3)
ข. คุณใช้อารมณ์มากกว่าความคิดและชอบคล้อยตามความคิดของผู้อื่น (1)
ค. คุณจะชั่งน้ำหนักระหว่างข้อดีและข้อเสีย และจะไม่ตัดสินใจจนกว่าจะได้ปรึกษาเพื่อนหรือครอบครัวก่อน (2)
2. มีคนแนะนำให้คุณรู้จักใครบางคนที่งานปาร์ตี้ แม้พวกเขาจะมีท่าทีที่เป็นมิตร แต่คุณกลับไม่ค่อยชอบขี้หน้าหรือสนใจพวกเขาสักเท่าไร คุณจะทำอย่างไร
ก. คุณจะคุยกับพวกเขาสักพัก จากนั้นหาช่องพาคนใหม่มาแนะนำให้พวกเขารู้จัก แล้วปล่อยให้คนนั้นรับหน้าสื่อสนทนากับพวกเขาแทนคุณ (2)
ข. จำใจคุยกับพวกเขา ก็เป็นปัญหาของคุณเองนี่นา ไม่ใช่ปัญหาของพวกเขาซักหน่อย แค่มันไม่เป็นธรรมสำหรับคุณก็เท่านั้น (1)
ค. ขอตัวทันทีหลังแนะนำตัวเสร็จ ก็คุณกับพวกเขาไม่คลิกกัน ก็เท่านั้น (3)
3. คุณตัดสินใจอย่างไรในการเลือกซื้อบ้านที่อยู่ปัจจุบันนี้
ก. ใช่เลย แค่ก้าวเท้าเข้าไปก็รู้สึกสบายใจเหมือนอยู่บ้าน (3)
ข. มี 2-3 อย่างที่ไม่ถูกใจ แต่ชั่งน้ำหนักดูแล้วในแง่ประโยชน์ใช้สอยถือว่าโอเค (2)
ค. แฟนคุณบอกว่าบ้านนี้ดีเหมาะกับคุณ เขารู้จักคุณดีกว่าคุณรู้สึกตัวเองเสียอีก (1)
4. เมื่อคืนคุณฝันร้าย ตื่นขึ้นคุณรู้สึกอย่างไร
ก. ไม่สน ก็แค่ความฝัน ใครจะเชื่อ (1)
ข. ครุ่นคิด แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่สน (2)
ค. ค้นคว้าอย่างเอาจริงเอาจัง ดูสิว่าฝันนั้นมีคำทำนายว่าอย่างไร จิตได้สำนึกของคุณบอกว่านี่ไม่ใช่เรื่องเหลวไหล (3)
5. วันนี้คุณรู้สึกว่าการเดินโดยใช้เส้นทางปกติที่เคยใช้ไม่ปลอดภัย คุณรู้สึกมวนๆ ท้องชอบกล คุณจะทำอย่างไร
ก. เก็บความกลัวไว้ในใจเดินหน้าต่อไปโดยไม่สนเสียงร้องเตือนนั้น (1)
ข. โทรหาแฟน ขอให้เขามาพบคุณ (2)
ค. ใช้เส้นทางอื่น แม้จะต้องใช้เวลาในการเดินทางเพิ่มขึ้นอีก 15 นาที (3)
6. เคยมีเหตุการณ์ประหลาดๆ เกิดกับคุณบ้างหรือไม่ คุยเคยทำนายล่วงหน้าว่าจะมีเหตุการณ์น่ากลัวเกิดขึ้นหรือเปล่า
ก. ตลอดเวลา จู่ๆ ก็เจอคนที่คุณกำลังคิดถึงอยู่อย่างคาดไม่ถึงหรือจะเป็นเรื่องอะไรทำนองนี้ (3)
ข. คุณชอบจินตนาการว่าได้พบกับ จอร์จ คลูนีย์ แต่ก็ไม่เห็นเป็นจริงสักที (2)
ค. ก็แค่เรื่องบังเอิญ นี่คือความจริงของชีวิต เอาเหอะ...โลกมันแคบ (1)
7. คุณเจอแฟนคนปัจจุบันหรือคนหลังสุดนี้ได้อย่างไร
ก. เพื่อนของคุณคนหนึ่งบอกว่า “ฉันเจอคนที่เพอร์เฟ็อกต์เหมาะกับแกเลย รับรองแกสองคนต้องเป็นเนื้อคู่ที่เหมาะเหม็งกันทีเดียว” (1)
ข. เจอกันโดยบังเอิญ แถมเคมีตรงกัน (3)
ค. คุณเจอเขาเพราะมีความสนใจตรงกันหรือทำงานที่เดียวกัน (2)
8. คุณมีคาถาประจำตัวไว้คอยกระตุ้นเตือนตัวเองหรือไม่
ก. เสียงภายในใจของคุณคอยกระตุ้นให้คุณร่าเริงและมีกำลังใจที่จะเดินหน้าฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ (3)
ข. ไม่มีหรอก แต่เวลามีอุปสรรค คุณจะนึกถึงคำชมต่างๆ ที่มีคนมอบให้คุณเป็นการปลุกความมั่นใจ (2)
ค. ไม่มีอะไรมาก แค่เริ่มต้นก่นด่าตัวเองว่า “นังโง่...” หรือ “โอ๊ย วันนี้แกไม่ได้เรื่องเลย” (1)
9. คุณมีนัดเดทกับชายคนใหม่ และคุณก็อยากทำให้เขาประทับใจ ทันทีที่คุณกับเขาเดินเข้าไปในผับ จู่ๆ คุณก็รู้สึกไม่อยากเข้าไปในนั้น คุณจะทำอย่างไร
ก. บอกเขาทันทีว่าตอนนี้คุณอยากไปที่อื่นมากกว่า (3)
ข. นิ่งไว้ เพราะเขาอาจคิดว่าคุณบ้า ถ้าคุณบอกเข่าคุณรู้สึกไม่ดีกับสถานที่แห่งนี้ (1)
ค. บอกเขาว่าคุณอยากไปที่อื่น เพราะ เอ่อ...อ๋อ คือคุณได้ยินมาว่าเบียร์ที่นี่ รสชาติจืดยังกะน้ำ ไปที่อื่นดีกว่า (2)
10. คุณชอบให้เวลาอยู่กับตัวเองหรือไม่
ก. ไม่ ฉันชอบอยู่กับคนเยอะๆ (1)
ข. บางครั้งการได้อยู่ตามลำพังก็เป็นเรื่องที่ดี ไม่สนใจความเป็นไปรอบตัวได้ผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ (2)
ค. คุณสบายใจที่ได้อยู่กับตัวเองมากกว่าอยู่สังสรรค์กับเพื่อนฝูง (3)
คุณเป็นคนประเภทไหน
13-17 คะแนน ขาดสัญชาตญาณ
เสียงภายในของคุณแหบแห้ง หรือคุณจะเป็นโรคคออักเสบ พูดง่ายๆ คือ คุณใช้สามัญสำนึกมากกว่าสัมผัสที่ 6 คุณเองไม่แน่ใจว่าคุณมีลางสังหรณ์หรือเปล่า แต่เชื่อเถอะ...คุณมี สัญชาตญาณของคุณอยู่ที่นั่น เพียงแต่มันถูกฝังลึกอยู่ใต้ชั้นความเป็นเหตุเป็นผล “จงพัฒนาความเชื่อมั่นในสัญชาตญาณของคุณ แล้วคุณจะมั่นใจได้เลยว่าสัญชาตญาณมีบทบาทสำคัญในชีวิต” เบธบอก อย่ากลัวที่จะทำตามแรงกระตุ้นของคุณ แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องลงทุนสวมชุดำมะหยี่ จ้อองมองลูกแก้วคริสตัล การเชื่อในสัญชาตญาณจะช่วยพัฒนามุมมองที่มีต่อชีวิตและความมั่นใจในตัวเอง
Action plan
ภารกิจที่คุณต้องทำคือฝึกบริหารจิตใจและร่างกาย แอสทริตบอก “ลองสังเกตดูสิว่าอะไรที่ให้คุณยิ้ม อะไรทำให้คุณตื่นเต้น การรับฟังสัญชาตญาณของคุณเองคือการสื่อสารกับตัวเอง” เบธแนะให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อเข้าถึงเสียงที่อยู่ภายในตัวคุณ “นวดตัวเป็นประจำ หรือเลือกออกกำลังกายที่ช่วยกระตุ้นการรับรู้ของร่างกาย เช่น โยคะ หรือใช้ทฤษฏีปรับปรุงบุคลิกภาพ (Alexander Technique) ในเวลาที่คุณเกิดความเครียด”
18-25 คะแนน จิตวิญญาณอ่อนไหว
คุณให้ความสนใจอารมณ์ความรู้สึกของคุณอย่างเต็มที่ แต่เสียงภายในตัวคุณเพี้ยนเล็กน้อย นี่เป็นเรื่องปกติ แอสทริดเชื่อว่า “สังคมในปัจจุบันทำให้คนเราไม่ได้สัมผัสกับภูมิปัญญาภายในของตัวเรา ตารางไดเอตบอกว่าเราควรกินอะไร กินเมื่อไร เราเป็นทาสหนังสือท่องเที่ยวเวลาไปเที่ยว เราเชื่อความคิดของเพื่อน ครอบครัว และเพื่อนร่มงาน และในที่สุดแม้จะรู้ว่าอะไรดีกับตัวเรา แต่เราก็ปฏิเสธที่จะฟังสัญญาณภายในตัวเรา”
Action plan
อารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด ความรับรู้ทางกาย เช่น ชีพจรที่เต้นเร็วขึ้น คือสัญชาตญาณที่ร้องตะโกนบอกคุณ ระวังสัญญาณเหล่านี้คือคำเตือน จงฟังสัญญาณนั้น “เรามักได้ยินผู้คนพูดว่าพวกเขารู้ว่าอะไรบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น และอยากให้เราฟังพวกเขา” แอสทริตบอก จงเชื่อมั่นในความรู้สึกเหล่านี้ เพราะมันช่วยให้เราสามารถใช้ชีวิตได้ตามที่เราต้องการ “คุณจะรู้สึกเหมือนมีพลังเคลื่อนเข้าสู่ร่างกายและรู้ด้วยสัญชาตญาณว่าคุณเดินถูกทางแล้ว” เธอกล่าว “มันคล้ายกับการรู้แจ้งในสิ่งที่ลึกล้ำซึ่งผุดขึ้นในสมองตอนตี 3”
26 คะแนนขึ้นไป สัญชาตญาณล้วนๆ
ลึกๆ แล้วคุณเชื่อมั่นในตัวเอง คุณเป็นคนที่คาดเดาได้ยาก มีความคิดสร้างสรรค์ และกล้าทำ คุณค่อนข้างเป็นคนช่างฝัน “สำหรับคุณแล้ว สัญชาตญาณในตัวคุณมีพลัง และมีความกระหายที่จะไปให้ถึงความฝัน เป้าหมาย และวิสัยทัศน์” แอสทริดกล่าว แต่คุณก็อาจเจอกับอุปสรรค นั่นคือการตัดสินใจที่ไร้เหตุผลในบางครั้งอาจทำให้คุณต้องห่างเหินหรือแปลกแยกจากคนใกล้ตัว
Action plan
คุณมีสัญชาตญาณที่เฉียบคม แต่อย่าตื่นเต้นจนเกินเหตุ "สัญชาตญาณเป็นสิ่งดี แต่ไม่ได้หมายความว่าให้คุณเพิกเฉยต่อมัน เพราะสัญชาตญาณคือคำถามที่คุณต้องค้นหาเพื่อความสมดุลสูงสุดระหว่างหัวใจและสมอง” เบธกล่าว "เมื่อใดก็ตามที่คุณตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากที่จะรับมือ ให้คุณเขียนข้อดีและข้อเสียของการแก้ไขสถานการณ์ด้วยวิธีการต่างๆ ซึ่งจะช่วยให้คุณมองเห็นความเป็นไปได้ในการแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด จากนั้นฟังสิ่งที่สัญชาตญาณของคุณบอกให้คุณทำ" และก่อนตัดสินใจทำอะไร ให้ลองทดสอบสัญชาตญาณของคุณโดยการพูดคุยเพื่อนหญิงที่คุณสนิทและไว้ใจ"
ดูดวง ดูดวงไพ่ยิปซี ดูดวงความรัก ดูดวงเนื้อคู่ ดูดวงรายวัน ดูดวงแม่น ๆ คลิกที่นี่
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี่ค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
หนังสือHealth plus No.49 มีนาคม 2553
